คลิกเพื่อดูรูปภาพ

คำบรรยายสินค้า
ความแตกต่างของหลอดแต่ละยี่ห้อ

คุณสมบัติ

- มีการทดสอบค่าอัตราการขยายด้านแรงดัน (MU) และอัตราการขยายด้านกระแส(gm) ก่อนจัดส่งทุกครั้ง
- โครงสร้างแบบ Long Plate ให้รายละเอียดเสียงที่ดีและให้เสียงต่ำที่เต็มอิ่ม
- Made in Russia

หลอดแต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?

นี่น่าจะเป็นหนึ่งในคำถามที่คลาสสิคที่สุดการเลือกซื้อหลอดสุญญากาศครับ วันนี้จะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้กันครับผม

ก่อนที่จะตอบคำถามข้างต้น เราจะต้องกลับไปในยุคกว่า 60 ปีที่แล้วในยุคที่หลอดเฟื่องฟู สามารถพูดได้ว่า อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดในเวลานั้น มีหลอดสุญญากาศประกอบอยู่ด้วย ดังนั้นจึงมีผู้ผลิตหลอดจำนวนมากและจากหลากหลายประเทศซึ่งแม้ว่าหลอดจะมีคุณสมบัติเหมือนกัน แต่ละประเทศก็พยายามตั้งชื่อให้เป็นมาตรฐานของตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังคงตกทอดมาถึงปัจจุบัน จะเห็นได้จากชื่อเรียกของหลอด ตัวอย่างเช่น ECC83 12AX7 7025 เป็นหลอดที่มีค่าทางไฟฟ้าเหมือนกัน แต่ชื่อเรียกที่ต่างกันเพราะ มาตรฐานของแต่ละประเทศ ECC83 เป็นมาตรฐานของอังกฤษ 12AX7 เป็นมาตรฐาน US 7025 เป็นของโซเวียต เป็นต้น

นอกจากในเรื่องของชื่อเรียกแล้ว ยังมีรหัสปลีกย่อยที่เราสามารถ พบเห็นกันได้ทั่วไป แม้แต่ในยุคปัจจุบัน เช่น 12AX7WA, 12AX7WB, 12AX7LPS, ECC803S, ECC83S และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งรหัสเหล่านี้ ในยุคที่หลอดถูกใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า แทบจะทุกชนิท แทบจะทุกวงการ รหัสต่อท้ายเหล่านี้มีความสำคัญ จะหมายถึงคุณสมบัติบางอย่างที่เพิ่มเติมเข้ามา เช่น ไส้หลอดร้อนรวดเร็วกว่าหลอดธรรมดา , ทนแรงกระแทกมากกว่าหลอดธรรมดา และอื่นๆ แต่ในปัจจุบันหลอดสุญญากาศแทบจะเหลือใช้อยู่เพียงแค่วงการเดียวคือ วงการเครื่องเสียง ดังนั้นรหัสเหล่านี้ จึงไม่มีความสำคัญอีกต่อไป ในหลายๆกรณีเป็นเพียงแค่การนำเสนอทางการตลาดเท่านั้น

โรงงานผลิตหลอดในปัจจุบัน จะใช้วิธีเลือกซื้อลิขสิทธิ์การผลิตหลอด ที่เคยเป็นที่นิยมในอดีต รวมถึงใช้ชื่อดั้งเดิมของยี่ห้อและรุ่นนั้นๆ ด้วย ทำให้เรายังพบเห็นชื่อเหล่านี้ ปรากฏอยู่ในหลอดที่ถูกผลิตในยุคปัจจุบัน ดังนั้นความแตกต่างของ หลอดแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อคือ โครงสร้างภายในที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตามหลอด หลอดที่เป็นรุ่นเดียวกันก็จะมีคุณสามบัติทางไฟฟ้าแบบเดียวกัน ไม่มีความแตกต่างกันมากนักสำหรับการใช้ในงานอุตสาหกรรมเครื่องเสียง

หลอดแต่ละยี่ห้อให้เสียงต่างกันอย่างไร?

เสียงของแอมป์หลอดนั้น 80-90% มาจากจัดการวงจร ของแอมป์นั้นๆ ขึ้นอยู่กับผู้ออกแบบ ว่าจะต้องการออกแบบให้เสียงของแอมป์ออกมาเป็นแบบไหน ส่วนที่เหลือเป็นเรื่องของคุณภาพของอุปกรณ์ ต่างๆเช่น ตัว Resistor Capacitorหม้อแปลง สายสัญญาณ ทางเดินของอุปกรณ์ภายใน ความพิถีพิถัน ในการเดินวงจร และอื่นๆ อีกมากมาย จะเห็นได้ว่า หลอดเป็นเพียงส่วนประกอบส่วนหนึ่งของวงจรทั้งหมดเท่านั้น การคาดหวังการเปลี่ยนไปของเสียงอย่างสิ้นเชิง ด้วยการเปลี่ยนหลอด จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ความคาดหวังของการเปลี่ยนไปของเสียงเนื่องจากการเปลี่ยนหลอด จะเป็นลักษณะการเปลี่ยนไปของเนื้อเสียงเล็กน้อย ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้การสังเกตและประสบการณ์ รวมถึงการใช้ข้อมูลของค่าทางไฟฟ้า เข้ามาเป็นส่วนประกอบในการเลือกซื้อหลอดแต่ละรุ่นอีกด้วย หลอดรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน นำไปใส่ในแอมป์คนละตัวกัน ก็จะให้เสียงที่ต่างกัน เนื่องจาก การจัดจุดทำงานของหลอด ในแอมป์แต่ละตัวไม่เหมือนกัน ดังนั้น การฟังเสียงหลอด จากแอมป์คนละตัวกับที่ใช้งานจริง ไม่ใช่วิธีการเปรียบเทียบหลอดที่ดีนัก อาจจะพอใช้ฟังเป็นแนวทางได้เล็กน้อย

แนวทางที่ดีที่สุดในการศึกษาเรื่องเสียงของหลอดแต่ละยี่ห้อ คือการหาหลอด รุ่นที่เราต้องการมาสลับและฟังเสียงดู อย่างไรก็ตามวิธีนี้ ค่อนข้างจะเป็นวิธีที่สิ้นเปลือง หากสามารถจับกลุ่มผู้ใช้แอมป์รุ่นเดียวกัน และแชร์ประสบการณ์ร่วมกัน หรืออาจจะหาข้อมูลจาก Webboard หรือ Group ใน Social Media ต่างๆน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า สิ่งที่สำคัญมากกว่า การเลือกยี่ห้อหลอด คือเรื่องของความสดใหม่ของหลอด หลอดเป็นอุปกรณ์ที่มีการเสื่อมถอยตามอายุการใช้งาน นึกภาพเหมือนสายกีต้าร์เก่า ที่เล่นได้ตามปกติ แต่ให้เสียงที่ไม่ดี หลอดที่แพงที่สุด แต่เสื่อมสภาพ ก็ไม่สามารถ จะสู้หลอดราคาถูกที่มีคุณภาพเต็ม 100% ได้อย่างแน่นอน ดังนั้นการเปลี่ยนหลอดอย่างสม่ำเสมอเป็นหัวใจสำคัญในการทำให้แอมป์มีเสียงที่ดีที่สุด

ผมขอยกข้อมูล จากผู้ผลิตหลอด ยี่ห้อ Psvane ที่แจ้งไว้ใน Website มาให้อ่านกันครับผม " หลอดเป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ - เราในฐานะผู้จำหน่าย ขายหลอดในฐานะที่เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้คุณภาพและผ่านมาตรฐาน เราไม่ได้จำหน่ายเสียง เพราะหลอดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบเสียงเท่านั้น - เราไม่สามารถทำนาย การรันตี หรือ รับประกัน เสียงที่จะได้จากระบบของคุณ "